เป็นเรื่องราวของสาวชีวิตรันทด ที่โชคหล่นทับ มั้งนะ โดยชื่อของเธอคือ ตุ้ม หญิงสาวที่ถูก์ออฟกะทันหัน ได้รับกล่องแห่งดวงที่มาวางผิดไว้หน้าห้องเธอ จนบังเกิดเป็นมหากาพย์ความตลกร้ายให้บันเทิงปนระทึก ตัวซีรีส์วางฉากอยู่ในช่วงหลังโควิด และตุ้มในคราวนี้ก็ทำงานอยู่บริษัทประกันภัยที่บาดเจ็บสาหัสจากแผนประกัน ‘เจอ จ่าย จบ’ จนต้อง์ออฟพนักงาน จากฟองสบู่เศรษฐกิจแตกในปี 2540 มาสู่วิกฤตเศรษฐกิจจากโรคระบาดในปี 2565 หลายอย่างในซีรีส์ได้รับการอัปเดตให้เป็นปัจจุบันขึ้น ทั้งคำพูดและบริบทในเรื่องที่แสดงถึงภาพสังคมการเมืองที่เปลี่ยนไป ม็อบเด็กถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ตัวละครประกอบ
แต่สิ่งที่เป็นแก่นหลักของเนื้อหาและดวงของตัวละครแต่ละตัวก็แทบจะไม่ได้ต่างจากเดิม ราวกับเป็นเอกยังคงมองว่าในฐานะคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำตัวละครเหล่านี้ก็ยังไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปกว่าตอนดูหนังเมื่อ 24 ปีก่อน ยังโหยหาดิ้นรนอย่างไร้อำนาจและถูกกระทำย่ำยีจากคนรอบตัวเสมอ และความจงใจที่แทบจะไม่เปลี่ยนเหตุการณ์หรือบทสนทนาในเรื่องก็เป็นความยอกย้อนยั่วล้อเสียดสีอย่างแยบยลที่สุด ซึ่งก็มาปรับเป็นการดูซีรีส์แทน
เราเองก็แทบไร้พลังอำนาจไม่ต่างจากตุ้ม ที่ถูกเชิญออกจากงานด้วยการสุ่มคนโดยไม่สนประวัติการทำงานที่ดีเลิศของเธอ ถูกเพื่อนบ้านชายโรคจิตคุกคามทางสายตาและทางโทรศัพท์อย่างไม่ยี่หระละอายใจ ถูกตำรวจและแก๊งอันธพาลรุกล้ำห้องโดยไม่ต้องขออนุญาต และแม้แต่คนที่สถานะต้อยต่ำกว่าเธออย่างเพื่อนบ้านที่เป็นเด็กสาวว่างงานเกาะผู้ชายกินก็ยังแอบสอดรู้สอดเห็นในชีวิตส่วนตัวของเธอ และหลายเหตุการณ์รอบตัวเธอบางครั้งก็เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลหรือบิดเบี้ยวสุด ๆ
สภาวะที่ชวนขำขื่นตลกร้ายนี้ซัดกระหน่ำให้ตุ้มค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากหญิงสาวทั่วไปกลายเป็นคนที่ใจกระด้าง และต้องเห็นแก่ตัวเพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบในที่สุด การปรับจากดูหนังเป็นดูซีรีส์รอบนี้ทำให้เป็นเอกสามารถสอดแทรกปรับปรุงเรื่องราวให้มีรายละเอียดมากขึ้น ใส่ตรรกะรองรับบางการกระทำของตัวละครได้ดีขึ้น หรือแม้แต่การเพิ่มฉากที่ไม่เคยมีมาก่อนในฉบับหนังได้อย่างสร้างสรรค์ อย่างฉากสารถีชุดขาวที่นำพาผู้คนไปหาคุณป้าชุดขาวที่ได้รับเกียรติจากเจ้าของรางวัลซีไรต์ วีรพร นิติประภา มาเป็นนักแสดงรับเชิญ ซึ่งทำให้บทสรุปของบางตัวละครเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ยังสะท้อนผ่านการแสดงของใหม่ ดาวิกาที่จะซีเรียสและอยู่ในสภาวะกดดันพร้อมแตกกระจายตลอดเวลา เมื่อรวมกับความทุ่มเทของใหม่ในการคุมหุ่นให้ดูผอมโทรมเข้ากับบริบทของเรื่อง ทั้งหมดก็ส่งให้หนังดูเครียดและจริงจังขึ้นมาก จริงแล้วถ้าตัดพาร์ตของกลุ่มคนชุดขาวที่เซอร์เรียลกับการปั้นคาแรกเตอร์ให้ฉูดฉาดออกไป เหมือนได้ดูซีรีส์ระทึกขวัญแบบฟิล์มนัวร์ที่แทบไม่มีจังหวะให้ได้อมยิ้มทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าแท้จริง ‘เรื่องตลก 69’ ของเป็นเอกนั้น หากมีทุนที่มากพอแบบไม่ต้องสนกำไรขาดทุนนัก ไม่ติดกรอบการเซนเซอร์ที่ชวนหงุดหงิด หรือมีเวลาให้อย่างท่วมท้นมันก็จะเป็นหนังความยาว 3 ชั่วโมงกว่า ที่ใส่ฉากโป๊เปลือย ความรุนแรง พัฒนาการตัวละครแบบซึมลึก มีความดาร์กและเซอร์เรียลกลมกลืนกันเหมือนอยากหัวเราะใส่ดวงชีวิตของคนดูว่ามันก็ไม่ต่างจากตุ้ม อาจกล่าวว่าซีรีส์นี้คือเรื่องราวที่แท้จริงของตุ้มเมื่อ 24 ปีก่อนก็ว่าได้
นี่เป็นซีรีส์ที่คนที่ไม่เคยดูหนังมาก่อนน่าจะรู้สึกว่ามันเป็นการดูซีรีส์ที่พยายามระบายความอัดอั้นของยุคสมัยได้อย่างเข้าถึงหัวจิตหัวใจ และมีคุณภาพที่สูงพร้อมกับความซับซ้อนในเรื่องราวที่สากลสมกับเป็นคอนเทนต์ลงเน็ตฟลิกซ์ แต่ก็มีความเชยแบบไทยที่ทำให้รสชาติมันไม่เหมือนใคร และทิ้งคำถามที่น่าสนใจว่า เลข 6 กับ 9 ถึงจะค่าต่างกันแต่เมื่อผ่านการหมุนกลับหัววนไปมาก็ทำให้รู้ว่ามันแทบจะเป็นอักขระเดียวกัน ไม่ต่างจากตุ้มที่ไม่อาจหลุดรอดไปจากดวงเดิมใต้สังคมแบบนี้ไม่ว่าพลิกชีวิตขึ้นหรือลง ทว่าพลังของหนุ่มสาวที่ยังเข้มข้นอันถูกถ่ายทอดในจอโทรทัศน์ของซีรีส์ก็อาจกำลังผลักให้การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่กลับหัวไปแล้วก็กลับหัวมาที่เดิม พวกเขาอาจทำได้ดีกว่าตุ้มหรือเหมือนตุ้มนั้น ยังต้องรอกาลเวลาพิสูจน์ต่อไป
และขณะเดียวกันสำหรับคนที่เคยชอบฉบับหนัง แม้มันจะมีอะไรต่างจากเดิมน้อยมากแต่ก็น่าจะรู้สึกว่ามันพูดด้วยความรู้สึกของผู้สร้างที่หนักแน่นขึ้น ซึ่งคนดูอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้อยู่ที่ว่าเราชอบพาร์ตตลกหรือพาร์ตร้ายของหนังฉบับเดิมมากกว่า และก็พอถกเถียงกันได้ว่ามีบางตัวละครที่ทำได้ดีขึ้นมีบางตัวละครที่ดรอปลง หรือแม้แต่งานภาพของผู้กำกับภาพคู่ขวัญคนเดิมของเป็นเอกอย่าง ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ นั้น ดูจะทำได้น่าประทับใจน้อยกว่าเดิมพอสมควรเมื่อเทียบฉากต่อฉาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้แฟนหนังได้ย้อนกลับไปในยุคที่หนังเป็นเอกเรียกได้ว่ากำลังท็อปฟอร์มมากที่สุดช่วงหนึ่ง
Leave a Reply